หน้าเว็บ

วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

Amazing พระนอนโบราณในประเทศไทย

3 อันดับพระนอนหรือพระพุทธรูปปางไสยาสน์โบราณที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย

1. พระพุทธไสยาสน์ขุนอินทประมูล
    ประดิษฐาน ณ วัดขุนอินทประมูล  ตำบลอินทประมูล อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง


          พระพุทธไสยาสน์ขุนอินทประมูล หรือมีอีกชื่อว่า พระศรีเมืองทอง มีความยาววัดจากปลายพระเมาลีถึงปลายพระบาทได้ <50 เมตร (25 วา)> เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารแต่ถูกไฟไหม้ปรักหักพังไป เมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 1 เหลือแต่องค์พระตากแดดตากฝนอยู่กลางแจ้งมานานนับเป็นร้อยๆ ปี องค์พระพุทธรูปมีลักษณะและขนาดใกล้เคียงกับพระนอนจักรสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยเดียวกัน องค์พระนอนมีพุทธลักษณะที่งดงาม พระพักตร์ยิ้มละไม สงบเยือกเย็นน่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก พระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์ได้เคยเสด็จมาสักการะบูชา อาทิเช่น พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เสด็จมาเมื่อ พ.ศ. 2296 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ในปี พ.ศ. 2421 และ 2451 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันเสด็จฯ มาถวายผ้าพระกฐินต้นในปี พ.ศ.2516 และเสด็จมานมัสการอีกครั้งในปี พ.ศ. 2518


          มีตำนานหลายเรื่องได้เล่าสืบต่อกันมาถึงที่มาของการสร้างพระนอนว่า "ขุนอินทประมูล" นายอากรได้ยักยอกเงินหลวง เพื่อนำมาสร้างต่อเติมองค์พระ เมื่อถูกจับได้ จึงโดนเฆี่ยนจนตาย บ้างก็ว่า ในรัชสมัยพระยาเลอไท พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินจากกรุงสุโขทัยโดยชลมารค มานมัสการพระฤาษีสุกกะทันตะ ณ เขาสมอคอน แล้วประทับแรม เป็นเวลา 5 วัน จากนั้นได้เสด็จผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วล่องลงมาตามลำแม่น้ำน้อย และตามลำคลองบางพลับ เพื่อประพาสท้องทุ่ง เมื่อถึงเวลาค่ำได้ทรงหยุดประทับแรม ณ โคกบ้านบางพลับ ครั้นเวลายามสามได้เกิดศุภนิมิต เป็นลูกไฟดวงใหญ่ลอยขึ้นมาเหนือยอดไม้ แล้วหายไปในท้องฟ้าทางทิศตะวันออก พระองค์ทอดพระเนตรเห็นศุภนิมิตนั้น แล้วก็ทรงปิติโสมนัส จึงได้ทรงมีพระราชดำริให้สร้างพระพุทธไสยาสน์ ขึ้นเป็นพุทธบูชา ด้วยคติว่า พระองค์ได้เสด็จมาบรรทมพักแรมอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น
          การเดินทาง : 1.สายอ่างทอง-อำเภอโพธิ์ทอง (เส้นทาง3064 ) แยกขวาที่กิโลเมตร 9 เข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร

                                      2.ใช้เส้นทางจากจังหวัดสิงห์บุรีไปทางอำเภอไชโยประมาณกิโลเมตรที่ 64-65 จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าถึงวัดเป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร
                                      3.เส้นทางตัดใหม่สายอำเภอวิเศษชัยชาญ-โพธิ์ทอง (ถนนเลียบคลองชลประทาน) เมื่อถึงอำเภอโพธิ์ทองมีทางแยกเข้าวัดอีก 2 กิโลเมตร 
 

2.พระพุทธไสยาสน์วัดพระนอนจักรสีห์
   ประดิษฐาน ณ วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ตำบลจักรสีห์ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี


          พระพุทธไสยาสน์วัดพระนอนจักรสีห์ หรือ หลวงพ่อพระนอนจักรสีห์ เป็นรูปของพระพุทธเจ้าปางไสยาสน์เทศนาปาฏิหาริย์ แก่อสุรินทราหู ผู้เป็นยักษ์ เพื่อลดทิฎฐิของอสุรินทราหูที่ถือว่ามีร่างกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ พระพุทธเจ้าจึงเนรมิตร่างกายให้ใหญ่กว่ายักษ์ "หลวงพ่อพระนอน" จึงเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่และยาว สร้างโดยท้าวอู่ทอง มีความยาว 3 เส้น 3 วา 2 ศอก 3 คืบ 7 นิ้ว ( 47.40 เมตร ) พระเศียรชี้ไปทางตะวันออก หันพระพักต์ไปทางทิศเหนือ มีความงดงามอย่างมาก

          มีตำนานเล่าสืบกันมาว่า สิงหพาหุมีพ่อเป็นสิงห์พอรู้ความจริงคิดละอายเพื่อนว่าพ่อเป็นสัตว์เดรัจฉานจึงฆ่าสิงห์ตาย ภายหลังรู้สึกตัวกลัวบาปและเสียใจเป็นอย่างมาก จึงสร้างพระพุทธรูป โดยเอาทองคำแท่งโต 3 กำมือ ยาว 1 เส้น เป็นแกนขององค์พระ เป็นการไถ่บาปและพระพุทธรูปมีอยู่ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชามาหลายชั่วอายุคน จนองค์หลวงพ่อพระนอนได้พังทลายลงเป็นเนินดิน กาลนานต่อมา ท้าวอู่ทอง ได้นำพ่อค้าเกวียนผ่านมาทางนี้ แล้วพบแกนทองคำฝังอยู่ในเนินดิน และทราบเรื่อง สิงหพาหุ เกิดความเลื่อมใสและเห็นเป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา จึงชักชวนพ่อค้าเกวียนก่อสร้างพระพุทธรูปนี้ขึ้น โดยใช้ทองแท่งทองคำที่พบนั้นเป็นแกนองค์พระ จน พ.ศ. 2297 และ พ.ศ. 2299 พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยาได้เสด็จมานมัสการและซ่อมแซมองค์พระพร้อมทั้งได้สร้างพระวิหาร พระอุโบสถ และเสนาสนะต่าง ๆ ขึ้นใหม่ พ.ศ.2423 และ พ.ศ.2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้เสด็จมานมัสการ และวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลปัจจุบันได้เสด็จมานมัสการพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์

          การเดินทาง : เส้นทางสายสิงห์บุรี-สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 3032) ประมาณ 4 กิโลเมตร รถประจำทาง  มีรถสาย 648 สิงห์บุรี-บ้านดอนปรู, รถสาย 462 สุพรรณบุรี-โคกสำโรง และรถสองแถว ขึ้นที่ บขส.ในอำเภอเมืองสิงห์บุรี ผ่านหน้าวัด

3. พระพุทธไสยาสน์วัดโพธิ์
    ประดิษฐาน ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ




          พระพุทธไสยาสน์วัดโพธิ์ หรือ พระนอนวัดโพธิ์ พระบาทสมเด็จฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.3 ทรงสร้างขึ้นครั้งทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพน  เมื่อ พ.ศ. 2375 คือการปฏิสังขรณ์ครั้งนั้น ได้โปรดฯ ให้ขยายเขตพระอารามออกไปทางทิศเหนือ  แล้วโปรดฯให้สร้างพระพุทธไสยาสขึ้นในที่ซึ่งได้ขยายออกไปใหม่นั้น  เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนด้านพระพักตร์สูง 15 เมตร มีความยาวทั้งองค์ถึง 46 เมตร  
พื้นพระบาทประดับด้วยมุกไฟเป็นภาพมงคล ๑๐๘ ประการ พระพุทธไสยาสองค์นี้ได้รับการขนานนามว่า เป็นพระพุทธไสยาสองค์ใหญ่ ที่มีความงดงามที่สุดในประเทศไทย
          การเดินทาง : รถประจำทาง สาย 1, 3, 6, 9, 12, 25, 43, 44, 47, 53, 60, 82, 91, 123,รถปรับอากาศ สาย 501, 508 Click here to Read more...

วันเสาร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554

กิจกรรม+สถานที่ตั้ง+การเดินทาง สู่ 9 สถานที่ศิริมงคล

1. ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร  (เวลาเปิด-ปิด 05.30 - 19.30 น.)
          กิจกรรม สักการะหลักเมือง ไหว้พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง เจ้าพ่อเจตคุปต์ พระเทพไชยศรี เจ้าพ่อหอกลอง ประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์ ตามธรรมเนียมเพื่อความเป็นสิริมงคล " ไหว้หลักเมือง ตัดเคราะห์ ต่อชะตา เสริมวาสนาบารมี "
          สถานที่ตั้ง อยู่บริเวณหัวมุมสวนหลวง ข้างพระบรมมหาราชวัง ถนนหลักเมือง
แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร

          การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 39, 43, 44, 47, 53, 64, 80, 82, 91,201, 203   รถปรับอากาศ สาย 503,508, 512

2. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม  (เวลาเปิด-ปิด 08.30 - 16.00 น.)
          กิจกรรม ไหว้พระแก้วมรกต พระพุทธรูปสำคัญในภูมิภาคเอเชีย เป็นศูนย์กลางความศรัทธาไทย - ลาว เพื่อความเป็นสิริมงคล " ไหว้พระแก้วมรกต แก้วแหวน เงินทองไหลมาเทมาตลอดปี "
          สถานที่ตั้ง อยู่ในพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
          การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 39, 43, 44, 53, 59, 64, 80, 82,91,201, 203  รถปรับอากาศ สาย 501, 503, 508, 512

3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)
           กิจกรรม นมัสการพระพุทธไสยาสน์อันศักดิ์สิทธิ์ (ที่ฝ่าพระบาททั้งสองข้างประดับมุก ลวดลายภาพมงคล 108 ประการ) เพื่อความเป็นสิริมงคล " ไหว้พระนอนวัดโพธิ์ อยู่ดีกินดีตลอดปี "
          สถานที่ตั้ง หลังพระบรมมหาราชวัง ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
          การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 6, 9, 12, 25, 43, 44, 47, 53, 60, 82, 91, 123,รถปรับอากาศ สาย 501, 508

4. วัดอรุณราชวราราม  (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)
          กิจกรรม ไหว้พระปรางค์วัดอรุณฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดอรุณ ชีวิตโรจน์รุ่ง ทุกวันคืน"
          สถานที่ตั้ง ข้างกองทัพเรือ ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่
          การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทางสาย 19, 57, 83  ทางเรือ ลงเรือข้ามฟากที่ท่าเตียนขึ้นที่ท่าวัดอรุณ

5. วัดกัลยาณมิตร  (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)
          กิจกรรม ไหว้หลวงพ่อซำปอกง (พระพุทธไตรรัตนนายก) พระโตริมน้ำตามตำนาน กรุงศรีอยุธยา ณ วัดกัลยาณมิตร เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้หลวงพ่อซำปอกง โชคดีมีชัยปลอดภัยตลอดปี"
          สถานที่ตั้ง แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี
          การเดินทาง โดยรถประจำทาง สาย 3, 4, 7, 7ก, 9, 21, 37, 56, 82  รถปรับอากาศ สาย ปอ. 7, 21, 82 (นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างจากโรงเรียนศึกษานารี เข้ามาที่วัดเพราะรถ ประจำทางเข้าไม่ถึง) ทางเรือ ลงเรือข้ามฟากที่ท่าปากคลองตลาดขึ้นท่าวัดกัลยาณมิตร เพื่อความสะดวกควรเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง หรือบริการขนส่งสาธารณะ เนื่องจากสถานที่จอดรถมีจำกัดมาก

6. วัดชนะสงคราม  (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

          กิจกรรม ไหว้พระประธานในโบสถ์และรูปเคารพสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (บุญมา) ผู้นับถือความซื่อสัตย์ เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดชนะสงคราม อุปสรรคร้ายพ่ายแพ้"
          สถานที่ตั้ง ถนนจักรพงษ์ แขวงบางลำพู เขตพระนคร
          การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 3, 6, 9, 15, 30, 32, 33, 43, 53, 64, 65, 82, 123  รถปรับอากาศ สาย ปอ. 6, 509

7. วัดสุทัศนเทพวราราม  (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)
          กิจกรรม ไหว้พระองค์ประธาน (พระศรีศากยมุณี) ที่เก่าแก่ ซึ่งอดีตเคยประดิษฐานอยู่ที่วิหารหลวงวัดมหาธาตุของกรุงสุโขทัย เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดสุทัศนฯ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป"
          สถานที่ตั้ง บริเวณเสาชิงช้า ตรงข้ามศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
          การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 10, 12

8. วัดระฆังโฆษิตาราม  (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)
          กิจกรรม สักการะสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และพระประธานที่วัดระฆัง อ่านคาถาชินบัญชร เพื่อความเป็นสิริมงคล " ไหว้พระวัดระฆัง มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดปี "
          สถานที่ตั้ง ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย
          การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 19, 57, 83  ท่าเรือ เรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่ารถไฟหรือท่าวังหลังก็ได้ หรือลงเรือข้ามฟากจากท่าช้างไปท่าวัดระฆัง

9.วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร  (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)
          สถานที่ตั้ง ถนนพระสุเมรุ ย่านบางลำพู เขตพระนคร
          การเดินทาง โดยรถประจำทางสาย 3,9,64,65,53,56,68
Click here to Read more...

วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

สวัสดีและขอต้อนรับทุกคนที่มาเยี่ยมชม


ยินดีต้อนรับ! ทุกคนนะจร้า
ปีใหม่มาแล้ว เราก็เลยอยากแนะนำสถานที่ทำบุญเสริมสิริมงคลแก่ชีวิตสำหรับทุกคน เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ไปกับปีแห่งการเริ่มต้น เราเลยขอแนะนำ 9 สถานที่ในกลางกรุง สำหรับคนที่ไม่มีเวลาเดินทางตะลอนไปยังต่างจังหวัด พร้อมแล้วไปด้วยกันเลยดีกว่าค่ะ


1.วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่ทุกคนรู้จักในนาม "วัดพระแก้ว"






มุมยอดนิยมที่จะบันทึกภาพ
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรขณะทรงเครื่องฤดูฝน

          วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วเป็นที่ประดับขององค์พระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทยซึ่งเราได้มาจากเมืองเวียงจันทร์ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีโดยพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ 1) ท่านได้อัญเชิญมาประดิษฐาน ณ วัดอรุณฯเป็นวัดแรก หลังจากการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์แล้ว ก็ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดารามจนถึงปัจจุบันด้วยความที่เป็นวัดหลวงและตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานจึงทำให้วัดพระแก้วไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาดังเช่นวัดอื่นๆ ภายในวัดพระแก้วประกอบไปด้วยพระอุโบสถ ปราสาทพระเทพบิดร พระศรีรัตนเจดีย์ พระมณฑป รวมทั้งภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง “รามเกียรติ์ บนระเบียงรอบวัดอันเรื่องชื่อ จะว่าไปแล้ววัดพระแก้วคือวัดที่งดงามพรั่งพร้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมไทยที่ละเอียดอ่อนละเมียดละไมอย่างแท้จริง สำหรับการนมัสการพระแก้วมรกตนั้นเราเชื่อว่าผู้ที่ได้นมัสการจะมีโชคลาภและมีแก้วแหวนเงินทองไหลมาเทมา

2.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ วัดโพธิ์


พระพุทธไสยาสน์วัดโพธิ์

          วัดโพธิ์ตั้งอยู่ด้านหลังของพระบรมมหาราชวังเดิมมีชื่อเต็มว่า “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งเป็นวัดประจำราชกาลที่ 1 วัดโพธิ์ถือได้ว่าเป็นมหาลัยสำหรับประชาชนแห่งแรกของไทยที่พรั่งพร้อมไปด้วยศาสตร์ความรู้แขนงต่างๆโดยเฉพาะวิชาการแขนงนวดแผนโบราณอันโด่งดังภายในวัดโพธิ์มีสิ่งที่นาสนใจ คือ เจดีย์ 4 รัชกาลที่งดงามมากรวมทั้งพระพุทธไสยาสน์ที่ยาวเป็นอันดับสามของประเทศของประเทศไทย สำหรับการนมัสการพระพุทธไสยาสน์เราเชื่อกันว่าจะทำให้ชีวิตร่มเย็นเป็นสุขดั่งชื่อวัด


3.วัดอรุณราชวราราม หรือที่เราเรียกติดปากว่า "วัดอรุณ"


                               
          วัดอรุณราชวรารามเป็นวัดที่มีพระปรางค์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่ทุกคนรู้จักกันดี วัดอรุณฯเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยาและเคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตเมื่อครั้งที่อัญเชิญมาจากกรุงเวียงจันทร์ มีการปฏิสังขรณ์แล้ว 2 ครั้งต่อมารัชกาลที่ 2 ได้พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม จนถึงในสมัยรัชกาลที่ 4 ท่านทรงให้ปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมและเปลี่ยนชื่อเป็นวัดอรุณราชวรารามมาจนถึงทุกวันนี้ เอกลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างของวัดอรุณฯ คือ ยักษ์ปูนปั้นขนาดใหญ่สองตนที่ตั้งอยู่หน้าซุ้มประตูคือ ทศกัณฐ์ และ สหัสเดชะซึงรู้จักในนาม ยักษ์วัดแจ้ง นั้นเอง สำหรับการนมัสการพระวัดอรุณราชวรารามนั้น เราเชื่อกันว่าจะมีชีวิตที่รุ่งโรจน์ชั่วคืนชั่ววัน


4.วัดสุทัศนเทพวราราม

ภาพบรรยากาศรอบนอก

พระพุทธตรีโลกเชษฐ์

          วัดสุทัศน์เทพวรารามตั้งอยู่บริเวณเสาชิงช้า มีจุดเด่นอยู่ที่พระอุโบสถยาวทีสุดในประเทศไทย ภายในประดิษฐานพระศรีศากยะมุนี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯอัญเชิญมาจากวัดมหาธาตุสุโขทัย ลานตรงมุมระเบียงด้านขวาวิหารประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 8 ซึ่งปั้นพระพักตร์โดยศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ส่วนพระวรกาย นายไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ เป็นผู้ปั้น นอกจากนี้ภายในวัดยังเต็มไปด้วยอับเฉาศิลาจีนมากมายที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีน  สำหรับวัดสุทัศน์ฯนั้นก็เชื่อกันว่าจะทำให้มีวิสัยทัศนน์กว้างไกลและมีเสนห์แก่บุคคลทั่วไป

5.วัดระฆังโฆสิตาราม



          วัดระฆังโฆสิตารามเป็นวัดพระอารามหลวงชั้นโท และเป็นวัดโบราณตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระพุฒธาจารย์โต พรหมรังษี พระเถระผู้โด่งดังมาก ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ เช่น พระอุโบสถที่มีลายหน้าบรรณเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑ หอพระไตรปิฎกที่เป็นเรือนไทย 3 หลังแฝด (เคยเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 1 มาก่อน)ภายในมีตู้พระไตปิฎกขนาดใหญ่ตั้งแต่สมัยอยุธยาตั้งอยู่ สำหรับวัดระฆังนั้น เราเชื่อกันว่าเพื่อให้มีคนนิยมยกย่อง ชื่อเสียงโด่งดัง


6.วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร


           วัดชนะสงครามเป็นพระอารามหลวงชั้นโทซึ่งแต่เดิมตั้งอยู่กลางทุ่งนาจึงมีชื่อเรียกเดิมว่า วัดกลางนา ชื่อของวัดชนะสงครามมีที่มา คือ รัชกาลที่ 1 ทรงพระราชทานนามตามเหตุการณ์ที่ทำสงครามชนะพม่าถึง 3 ครั้งโดยให้เป็นวัดพระสงฆ์ฝ่ายรามัญ เป็นเกียรติแก่ทหารมอญในกองทัพสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชนีนาถทรงอัญเชิญพระอัฐิของเจ้านายฝ่ายพระราชวังบวรสถานมงคลมาประดิษฐานไว้ในโบสถ์ นอกจากนี้ยังมีงานของช่างฝีมือชั้นเยี่ยมในรัชกาลที่ 1 แกะสลักบานประตูลายรดน้ำที่กุฏิเจ้าอาวาสอีกด้วย ใครที่มาวัดชนะสงคราม สำหรับวัดนี้เราควรไปไว้พระในโบสถ์รวมทั้งไปสักการะรูปเคารพกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทที่ตั้งอยู่ด้านหน้าวัด เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยมีชัยชนะต่อศัครูผู้คิดร้ายต่อเราทั้งปวง



7.วัดกัลยาณมิตรวรวิหาร




          วัดกัลยาณมิตรวรวิหารเป็นวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต หรือ ซำปอกง ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำตามคติอยุธยาแต่เดิมที่ตั้งของวัดเป็นหมู่บ้านกุฎีจีน พระยานิกรบดินทร์ได้อุทิศบ้านและที่ดินเพื่อสร้างวัดแห่งนี้ในสมัยรัชกาลที่ 3 สำหรับการนมัสการหลวงพ่อโตนั้นเชื่อกันว่าจะมีการเดินทางที่ปลอดภัย

8. วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร


 พระโต (องค์หลัง)-พระพุทธชินสีห์ (องค์หน้า)


          วัดบวรนิเวศวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกฝ่ายธรรมยุตสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งในสมัยนั้นเรียกว่า วัดใหม่ ต่อมารัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เลื่อนสมณศักดิ์สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าฟ้ามงกุฎซึ่งผนวชจำพรรษาอยู่ ณ วัดราชาธิวาสขึ้นเสมอเจ้าคณะรอง และเชิญเสด็จให้ขึ้นครองวัดนี้ใน พ.ศ.2379 แล้วจึงได้พระราชทานนามวัดว่า วัดบวรนิเวศวิหาร ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งของวัดบวรฯ คือ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินสีห์ซึ่งอัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุจังหวัดพิษณุโลก สำหรับการมากราบสักการะพระพุทธชินสีห์นั้นเชื่อกันว่าจะได้พบแต่สิ่งที่ดีงาม

9.ศาลหลักเมือง




                                                        ภาพบรรยากาศยามค่ำคืนสวยงาม แปลกตา

          ศาลหลักเมืองคือ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดพระแก้ว บริเวณศาลหลักเมืองนี้จะมีศาลอยู่สองศาล คือ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และศาลเทพารักษ์ ซึ่งรัชกาลที่ 1 ได้โปรดเกล้ากระทำพิธียกเสาหลักเมืองเพื่อความเป็นสิริมงคลเมื่อมีการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นมา สำหรับศาลหลักเมือง เราเชื่อกันว่าหากได้ไปไหว้สักการะบูชาแล้วจะเป็นการตัดเคราะห์ต่อชะตา เสริมวาสนาบารมี
 
เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ สำหรับเก้าสถานที่ที่ได้มาแนะนำกันวันนี้ รับรองค่ะว่าวันเดียวสามารถตะลอน ร่อนไปได้ครบอย่างแน่นอน หากมีการวางแผนการเดินทางและการใช้เวลาในแต่ละสถานที่อย่างเหมาะสม แต่ถ้าหากใครยังนึกไม่ออกว่าจะไปอย่างไรให้วันเดียวจบหรือม้วนเดียวจบไม่ต้องห่วงค่ะ เดวป้าจะนำโปรแกรมการเดินทางอย่างง่ายๆๆ มาเพิ่มให้แล้วลองเดินทางตามป้าดูนะค่ะมันจะไม่ย้อนกลับไปมาเสียค่ารถมากมายนัก หรือถ้าหากใครมีไอเดียแนวคิดใหม่อะไรก็มาแนะนำเพิ่มได้น่ะค่ะ ยินดีรับสิ่งแปลกใหม่เสมอ ทำบุญมาเก้าที่หากยังจุใจ ไม่อิ่มบุญพอ เดวคราวหน้าป้าจะพาไปต่างจังหวัดบ้างค่ะ เปลี่ยนบรรยากาศกัน โปรดติดตามต่อไป.........

ขอบคุณค่ะ
   ป้าจิ๊
Click here to Read more...